อินเทอร์เน็ตกับการเพิ่มผลผลิต
การสร้างผลิตผลและประสิทธิภาพในการทำงาน
ที่ได้จากโซลูชันทางอินเทอร์เน็ตนั้น ต้องอาศัยความเข้าใจ
และการวางยุทธศาสตร์ในการลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
ซึ่งได้ส่งผลในการเพิ่มผลิตผลในการทำงานได้มากถึงสี่เท่า
เทคโนโลยีด้านระบบเครือข่ายยุคใหม่
ได้สร้างเครื่องมือในการสื่อสารที่มีความสำคัญ
และจำเป็นอย่างมากในการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ดังนั้นกระบวนการในการเลือก
และการนำเครื่องมือที่เหมาะสมมาใช้งานนั้น เป็นสิ่งที่มีความซับซ้อน
เนื่องจากว่าถ้าเกิดการผิดพลาดจาการเลือกสรรแล้ว อาจจะกระทบถึงกระบวนการทางธุรกิจ
และความสับสนต่อเจ้าหน้าที่และพนักงานได้ เพราะฉะนั้นการวางยุทธศาสตร์ในการเพิ่มผลผลิต
หรือ Productivity นั้นต้องมีการศึกษาอย่างถี่ถ้วน
ว่าจะนำเอาเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจได้อย่างไร
กับคำถามมากมาย เช่นจะเริ่มพัฒนาแอพพิเคชันสำหรับพนักงาน
หรือจะพัฒนาแอพพิเคชันสำหรับบริการลูกค้าก่อนดี, ความสมดุลระหว่างการสร้างระบบที่มีความเสถียร
และมีประสิทธิภาพกับความคุ้มค่าของการลงทุน, ทำอย่างไรที่จะแน่ใจได้ว่า
ยุทธศาสตร์ในการใช้อินเทอร์เน็ต จะประสบความสำเร็จ
ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เต็มประสิทธิภาพ
คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้
ต้องอาศัยองค์กรที่สามารถมองภาพที่ไกลกว่าแค่การตัดสินใจในการเลือกใช้เทคโนโลยี
โดยได้อิงอยู่กับหลักการสี่ประการ อันได้แก่โครงสร้างของระบบเครือข่าย ควรที่จะเป็นระบบเปิด
เพื่อที่จะรองรับการทำงานของแอพพิเคชันต่างๆ ในอนาคตได้
ซึ่งจะมีส่วนช่วยอย่างมากในการพัฒนาแอพพิเคชันใหม่ๆ อีกทั้งรับประกันได้ว่า
สามารถเชื่อมต่อ และใช้งานร่วมกันกับพันธมิตรทางธุรกิจและลูกค้าได้
ในกรณีที่มีการใช้แอพพิเคชันร่วมกัน ประการที่สองคือการจัดอันดับของการลงทุน
โดยควรที่จะให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าของการลงทุน
และผลตอบแทนในระยะเวลาที่เหมาะสม
โดยโครงการที่สามารถคืนกำไรจากการใช้งานได้ในระยะเวลาอันสั้น
ก็ควรที่จะอยู่ในอันดับต้นๆ
ประการที่สามที่ต้องพิจารณาก็คือความง่ายในการนำมาใช้งาน สำหรับยุทธศาสตร์ในการนำอินเทอร์เน็ตมาเพิ่มผลผลิตของการทำงานนั้น
จะดูกันที่ว่าเป็นการเพิ่มความซับซ้อน หรือลดความซับซ้อนของกระบวนการต่างๆ
เช่นว่าระบบใหม่นี้ สามารถรวมเอาการสื่อสารด้านข้อมูลภาพและเสียง
ไว้ในระบบเดียวกัน ซึ่งจะเป็นการลดต้นทุนในการดูแลระบบสามระบบที่แยกจากกันได้
และประการสุดท้ายคือ เลือกรูปแบบที่มีความคล่องตัวสูง
หรือมีทางเลือกในการใช้งานมาก
ทั้งนี้เพื่อที่ว่าจะสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว
และคล่องตัวเพื่อให้ทันกับสภาวะการณ์ทางธุรกิจ
และข้อดีอีกประการหนึ่งของการนำเทคโนโลยีด้านอินเทอร์เน็ตมาใช้งานก็คือ
สามารถใช้งานได้ทั้งองค์กรขนาดเล็ก และองค์กรขนาดใหญ่
ซึ่งสำหรับองค์กรขนาดเล็กนั้น เทคโนโลยีเหล่านี้สามารถเติบโตไปพร้อมๆ
กับธุรกิจของพวกเขา
การทำงานร่วมกันระหว่างระบบโครงสร้างด้านเครือข่าย
และแอพพิเคชันที่จะช่วยเพิ่มผลผลิตของการทำงาน สามารถส่งผลต่อการเพิ่มผลผลิต
และประสิทธิภาพของการทำงาน
รวมถึงทำให้องค์กรทำธุรกิจได้อย่างมีกำไรมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ประโยชน์มากมายจากการเพิ่มผลผลิต อย่างเช่นความรวดเร็วในการให้บริการลูกค้า
จะสร้างความพึงพอใจและความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้อย่างมาก
ไม่ว่าขนาดของธุรกิจจะใหญ่หรือเล็ก
การตัดสินใจในการนำโซลูชันด้านเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตมาใช้งาน
จะสามารถช่วยให้เกิดคุณค่าในการเพิ่มประสิทธิภาพ
และผลผลิตของการทำงานได้เป็นเท่าทวีคูณ
ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
และความผันแปรของตลาดหุ้น ทำให้หลายต่อหลายบริษัทตกอยู่ในภาวะที่ไม่สู้ดีนัก
และต่างก็พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะสามารถดำเนินธุรกิจอยู่ต่อไปได้
เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีบทความจากการให้สัมภาษณ์ของนายอลัน กรีนสแปน
ที่ได้กล่าวถึงการเพิ่มประสิทธิภาพ และผลผลิตของพนักงานไว้ว่า
มีการเติบโตขึ้นอย่างมาก ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความจำเป็นในการเพิ่มผลผลิตของการทำงาน
ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ สำหรับองค์กรต่างๆ
ตัวอย่างในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นได้พบว่า แนวโน้มเศรษฐกิจที่ค่อยๆ
ปรับตัวในทางบวกนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มผลผลิตในการทำงาน
และเมื่อผสานกับแผนการลดภาษีของภาครัฐ ได้ช่วยเสริมให้มีการขยายตัวทั้งในด้านรายได้
และการใช้จ่าย ซึ่งส่งผลให้มีการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
ท่านผู้อ่านคงจะเห็นแล้วว่า
การเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพในกาทำงานนั้น
ไม่เพียงแต่ช่วยให้องค์กรหรือบริษัทในการสร้างความได้เปรียบในเชิงแข่งขันเท่านั้น
แต่เมื่อมองในภาพกว้างแล้ว
ยังเป็นส่วนสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่งด้วย
และนับเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับประเทศไทยเรา ที่หลายต่อหลายหน่วยงาน
ได้มีการประกาศการเติบโตทางเศรษฐกิจของเราในแนวบวก ซึ่งแสดงถึงการเติบโต
และส่งสัญญาณถึงความมีเสถียรภาพมากขึ้น และได้มีการคาดการณ์ว่า
จะมีการเติบโตต่อเนื่องถึงปี 2546 นี้ด้วยซึ่งนับเป็นโชคดีของเรา
ที่จะได้รับปีใหม่ด้วยแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
ในขณะเดียวกันด้านประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างสิงคโปร์นั้น
ได้ประสบปัญหากับการชลอตัวของเศรษฐกิจและ มีการคาดการณ์ว่า จะมีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานที่ไม่มีความชำนาญงานเฉพาะด้านและ แรงงานผู้สูงอายุ
ทั้งนี้เมื่อมองย้อนหลังไปจะเห็นว่าสิงคโปร์นั้นมีการเติบโตทางเศรษฐกิจมาโดยตลอด
และแทบจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมา แต่แล้วเนื่องจากการถดถอยของเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น
และสหรัฐอเมริกาในช่วง2 ปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้กับประเทศสิงค์โปร์แล้ว
ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงการเปิดประเทศของจีน ที่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกการค้าโลก
และหลายต่อหลายบริษัทได้ย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศจีน ที่มีค่าจ้างแรงงานและ
ต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่า
บางทัศนะมองว่า
การเข้ามาของประเทศจีนนั้นหลายท่านอาจจะกลัวมากเกินไปว่า
จีนจะใช้กลยุทธ์ด้านราคารวมกับต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่า
มาเป็นอาวุธในการแข่งขันในตลาดโลก แต่อีกมุมหนึ่งก็คือด้วยประชากรที่มากกว่า 1,300
ล้านคนนั้น
สินค้าผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ จะส่งเข้าสู่ตลาดภายในประเทศเป็นหลัก
และยังไม่เป็นถือว่าจะมีผลกับอัตราการส่งออกของประเทศอื่นๆ เท่าใดนัก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอัตราการนำเทคโนโลยีด้านอินเทอร์เน็ต
และเทคโนโลยีสื่อสารมาใช้งานในประเทศจีนนั้น มีการเติบโตที่สูงมาก
และเติบโตต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งเป็นการเน้นย้ำว่า อินเทอร์เน็ตกับการเพิ่มผลผลิต
และประสิทธิภาพในการทำงานนั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว
ขึ้นอยู่กับว่าจะมีการวางกลยุทธ์ในการใช้งานอย่างไร
และความพร้อมในการใช้งานได้รวดเร็วเพียงใด
ที่มา:http://www.cisco.com/web/TH/technology/internet_productivity.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น